อดีตนายกสมาพันธ์ทุเรียนไทยภาคตะวันออก ชี้ ราคาทุเรียนปี 69 ยังไม่ดี แนะชาวสวนบริหารต้นทุน หลังตลาดจีนชะลอตัว แต่ยังเชื่อมั่น ทุเรียนไทย มีคุณภาพดีกว่าทุกประเทศ

นายชลธี นุ่มหนู อดีตนายกสมาพันธ์ทุเรียนไทยภาคตะวันออก เปิดเผย ถึงแนวโน้มราคาทุเรียนในปีการผลิต 2569 อาจจะไม่ได้ดีไปกว่าปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่า ราคาอาจจะทำได้แค่เสมอตัวหรือทรงตัว แต่คงจะไม่ดีขึ้นเหมือนกับช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา

นายชลธี ระบุว่า มีปัจจัย 3 หลัก ที่ส่งผลต่อราคาทุเรียน และสิ่งที่ชาวสวนต้องรับมือ คือ

ตลาดชะลอตัวและคู่แข่งเพิ่มขึ้น
ตลาดหลัก (จีน) | ตลาดของผู้ซื้อหลัก อย่างประเทศจีนกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวสวนต้องเตรียมรับมือ

ปัญหาความขัดแย้งชายแดน | ความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดนอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก โดยเฉพาะทุเรียนคุณภาพรองหรือทุเรียนตกไซส์ที่เคยส่งผ่านทางชายแดนกัมพูชา ซึ่งอาจไม่สามารถส่งออกได้

คู่แข่งในตลาดจีน | ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่ส่งออกทุเรียนไปจีนได้แล้ว เนื่องจากมีประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศเป็นคู่แข่ง อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

บริหารจัดการต้นทุนและการผลิต
บริหารจัดการต้นทุน | สิ่งที่ชาวสวนต้องเตรียมรับมือ คือ การบริหารจัดการต้นทุนการผลิตของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงงาน ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าพลังงานไฟฟ้า และน้ำมัน ให้สามารถทำกำไรและแข่งขันได้

รักษาคุณภาพทุเรียน | ตลาดยังต้องการ ทุเรียนคุณภาพ ซึ่งหากชาวสวนสามารถรักษาคุณภาพได้ จะยังสามารถขายได้และมีกำไร เป็นทางออกในการรับมือกับตลาดที่ชะลอตัว การทำทุเรียนที่ด้อยคุณภาพจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมภาวะตลาดชะลอตัว

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ภาวะร้อนและแห้งแล้ง | ชาวสวนต้องเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอากาศที่ร้อนและภาวะแห้งแล้งในฤดูกาลข้างหน้า เนื่องจากคาดการณ์ว่าในปี 2569 ฝนอาจจะมาล่าช้า ดังนั้นจึงควรเตรียมแหล่งน้ำและระบบน้ำให้พร้อมตั้งแต่ช่วงปลายฝนนี้

นายชลธี กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้จะมีปัจจัยท้าทาย แต่คนจีนยังคงมีความเชื่อมั่นในภาพลักษณ์และคุณภาพของทุเรียนไทย หากเกษตรกรสามารถรักษาคุณภาพทุเรียนไว้ได้ ก็จะยังคงครองใจผู้บริโภคชาวจีนอยู่

นอกจากนี้ นายชลธีได้ฝากถึงภาครัฐว่า ควรเข้ามาช่วยดูแล เนื่องจากตลาดทุเรียนไทยยังพึ่งพาตลาดจีนเป็นหลัก และเชื่อว่าจีนเองคงจะมีมาตรการที่เข้มงวดกับเรื่องสุขอนามัยพืชมากขึ้นด้วย